โลกที่มองเห็น VS โลกที่เป็นจริง
การเดินทางค้นหาหัวใจตื่นรู้ ของ 20 ผู้สนใจเส้นทาง ค้นหาความจริงของหัวใจ

การเดินทางค้นหาหัวใจตื่นรู้ ของ 20 ผู้สนใจเส้นทาง ค้นหาความจริงของหัวใจ
ชีวิตก็เหมือนทอร์นาโด ตัวตนที่หมุนตลอดเวลาจักรวาลทั้งหมดที่หมุนไป และตราบใดที่เราไม่นิ่งเราก็ไหลเข้าไปในความคิดต้องหาแกนนั้นให้เจอ.ใจ ตัวนั้น ที่แลเห็นทุกอย่างเพราะสิ่งที่หมุนอยู่ คือ ตัวตนของเราในลูกข่างที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเราแต่มันชั่วคราว มันแปรเปลี่ยนไป.ครูบาอาจารย์จึงสอนว่า ให้อยู่ในปัจจุบันให้ได้คือ อีกหนึ่งวิธีที่คุณจะกลับมาหาแกนกลางที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความแปรไปทั้งหมด.ดำรงอยู่ในใจให้ได้ มีสติให้ได้หาปัจจุบันให้เจอ เพราะปัจจุบันไม่เคยหายไปจากเราเลย – บางส่วนจาก –Wake Up 101 :The Awakening Workshopการเดินทางค้นหาหัวใจตื่นรู้ ของ 20 ผู้สนใจเส้นทาง ค้นหาความจริงของหัวใจ
การเดินทางค้นหาหัวใจตื่นรู้ ของ 20 ผู้สนใจเส้นทาง ค้นหาความจริงของหัวใจ
ยิ่งถ้าหากว่าคุณปฏิบัติธรรมอย่างลึกซึ้งจนกระทั่งไม่มีตัวกู มองตนโดยไม่มีตน โลกมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จิตใจก็จะแผ่กว้างไปจนกระทั่งมองเห็น
ทุกสิ่งที่เห็น ไม่เคยเป็นแค่สิ่งที่เห็นสิ่งๆ หนึ่ง ล้วนปรากฏขึ้นได้ ด้วยสิ่งอื่นๆ นับร้อย นับพัน นับล้าน นับล้านกระทั่งไม่อาจนับได้ ถ้วนทั่ว ทุกๆ สิ่ง ที่เรายึดมั่นเป็นตัวตน เรา เขามันก็จริงอยู่ แต่หาใช่ความจริงทั้งหมดหรือ ความจริงอย่างที่เป็นเพราะตัวตนทั้งหมด เป็นเพียงความคิดอันแบ่งแยกชี้ระบุ ขอบเขต จำกัด แห่งความเป็นนั่นเป็นนี่ ตัวตนที่แท้ ยากยิ่ง และเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุชี้ชัด หรือยึดมั่นให้มันเป็นอัตตาตัวตนเพียงเท่านั้น เท่านี้ แค่นั้น แค่นี้ เพราะสิ่งๆ หนึ่ง คือ การปรากฏของสิ่งทั้งหมดสิ่งทั้งหมด คือ การปรากฏของความจริงหนึ่งคือ หนึ่งนั้นเดียวกัน… All is OneOne is All
ปัจจุบันขณะ มีพลังงานมหาศาล คือ กาลแห่งการตระหนักรู้ในความจริง ปัจจุบัน คือ ครรภ์มารดาของการรู้แจ้ง ในการตระหนักรู้ในความจริง ทุกสิ่งจะเผยต่อเราว่า ทุกๆประสบการณ์ล้วนประกอบด้วยเหตุปัจจัย นับล้านล้านล้านสิ่ง กินเวลานับล้านล้านล้านปี เพื่อให้สิ่งๆ นั้น ปรากฏบังเกิดขึ้นต่อเราในปัจจุบัน แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแห่งการปรากฏ และทั้งหมด ทุกสิ่งทั้งหมด ก็ล้วนปรากฏขึ้นและหายไป กระทั่งกิริยาที่เรากันเรียกว่า “การกอด” ทุกครั้งที่คุณกอดกับใครสักคน เชื่อไหมว่า การกอดในวินาทีนั้น ถ้าเราตระหนักรู้และดื่มด่ำกับการกอดนั้น ด้วยหัวใจที่แท้จริง เราจะพบกับความอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งว่า ราวกับ โลกทั้งโลกก่อกำเนิดเกิดมา ก็เพื่อเป็นเหตุปัจจัยให้กำเนิดปรากฏตัวเราและเธอคนนั้น ผู้ที่เรากำลังโอบกอด ทุกๆ ล้วนเฉลยเผยตัว ให้เราตระหนักในปัจจุบันว่า…ทุกๆ สิ่งล้วนดำเนินมา ก็เพื่อให้เราสองได้เดินทางมาพบและดำรงอยู่ร่วมกัน…ในอ้อมกอดนี้ ณ วงแขน ไออุ่น สัมผัสจากเธอและฉัน ที่หลอมรวมสัมพันธ์กัน สิ่งเล็กๆ นี้จะปรากฏขึ้นไม่ได้เลย หากปราศจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด ราวกับพระเจ้าตั้งใจสร้างทั้งเอกภพ เพื่อให้กำเนิดชั่วขณะแห่งการกอดนี้ อันเป็นความรู้สึกจริงแท้ที่เธอสัมผัสได้จริง ในปัจจุบัน ในเพียงชั่วขณะนี้ เท่านั้น เพราะหากอ้อมกอดนั้น ผ่านไปแล้ว เธออาจคิดคำนึงถึงมันในนามของ อดีต หากมันเป็นสิ่งที่เธอกำลังถวิลหาและยังมาไม่ถึง […]
เพราะเราทั้งหมดล้วนไม่เคยออกจาก และไม่เคยที่จะไม่เป็น หนึ่งเดียวกันเลย ดั่งเช่นตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยพลาดจากลมหายใจ กายสัมผัสไม่อาจหลุดพ้นไปจากบรรยากาศโลก ออกพ้นไปจากความรักของพ่อแม่ หรือกระทั่งออกไปนอกเอกภพ เพราะเราล้วนอยู่ใน ความจริงหนึ่งนั้น เดียวกันเสมอมา ใช่หรือไม่ว่า เราต่างพลัดพลาดและหลงทางไปจาก การสัมผัสรับรู้ถึงความเป็นจริงหนึ่งเดียวนี้ มานานเท่าไหร่แล้ว ? จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อชีวิตดำเนินมาถึง ณ จุดหนึ่งของใจ ด้วยสติระลึกรู้ ด้วยใจที่เป็นกลาง ณ ปัจจุบันขณะ อันเป็นห้วงเวลาเดียวเท่านั้นที่ความเป็นจริงจักปรากฏตัว คือ หนึ่งจังหวะนั้น ที่หัวใจ…ตื่นขึ้น เพื่อก้าวพ้นออกจากกรงขังแห่งความไม่รู้ ใจ ที่ก้าวออกจากความนึกคิดทั้งหลายข้ามพ้นทุกข้อมูลตรรกะ หลักการความรู้ ทั้งหมดทั้งปวงที่สมองนึกคิด ปรุงแต่ง เก็บบันทึกเป็นความจำ กลายเป็นความเชื่อ ที่ยึดถือไว้อย่างแน่นหนา จนปกปิดคุณค่า บดบังความงาม และความอัศจรรย์ของความจริง ที่ปรากฏอยู่ตรงต่อหน้า ณ ปัจจุบันจนเหมือนคล้ายแสงแห่งสัจจะความจริง อยู่ห่างจากใจเราออกไป นับล้านปีแสง ณ หนึ่งขณะ นั้น เมื่อ ใจ ได้สัมผัสกับ ความจริง ชีวิตนับจากนั้น จะกลายเป็นพยานสำคัญ เป็นผู้รู้เห็นปรากฏการณ์ความจริง ที่อยู่กับเราเสมอมา พร้อมพบคำตอบของคำถามสำคัญสำหรับทุกชีวิต […]
ยังมีโลกใบใหม่บนโลกใบเดิม ใบเดียวกันในโลกเดิม ที่คุณตื่นขึ้นมาทุกเมื่อเชื่อวัน เพียงคุณอาจยังไม่รู้วิธีมองเห็น และเข้าถึงโลกใบนั้น
ตื่นรู้ในความคิด-ตื่นรู้ที่หัวใจ-ตื่นรู้ในชีวิต
อุปสรรคสำคัญของการตื่นรู้ คือ ตัวเอง การงม การจมแช่ กำหนดให้มีรูปแบบ แนวทาง ความเชื่อ และเมื่อไรที่เราออกจากสิ่งเหล่านี้ได้ นั่นคือการตื่นรู้และเป็นอิสระจากตัวเอง