เพราะเราทั้งหมดล้วนไม่เคยออกจาก
และไม่เคยที่จะไม่เป็น หนึ่งเดียวกันเลย
ดั่งเช่นตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยพลาดจากลมหายใจ
กายสัมผัสไม่อาจหลุดพ้นไปจากบรรยากาศโลก
ออกพ้นไปจากความรักของพ่อแม่ หรือกระทั่งออกไปนอกเอกภพ
เพราะเราล้วนอยู่ใน ความจริงหนึ่งนั้น เดียวกันเสมอมา
ใช่หรือไม่ว่า เราต่างพลัดพลาดและหลงทางไปจาก
การสัมผัสรับรู้ถึงความเป็นจริงหนึ่งเดียวนี้ มานานเท่าไหร่แล้ว ?
จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อชีวิตดำเนินมาถึง ณ จุดหนึ่งของใจ
ด้วยสติระลึกรู้ ด้วยใจที่เป็นกลาง ณ ปัจจุบันขณะ
อันเป็นห้วงเวลาเดียวเท่านั้นที่ความเป็นจริงจักปรากฏตัว
คือ หนึ่งจังหวะนั้น ที่หัวใจ…ตื่นขึ้น เพื่อก้าวพ้นออกจากกรงขังแห่งความไม่รู้
ใจ ที่ก้าวออกจากความนึกคิดทั้งหลายข้ามพ้นทุกข้อมูลตรรกะ หลักการความรู้
ทั้งหมดทั้งปวงที่สมองนึกคิด ปรุงแต่ง เก็บบันทึกเป็นความจำ กลายเป็นความเชื่อ
ที่ยึดถือไว้อย่างแน่นหนา จนปกปิดคุณค่า บดบังความงาม และความอัศจรรย์ของความจริง
ที่ปรากฏอยู่ตรงต่อหน้า ณ ปัจจุบันจนเหมือนคล้ายแสงแห่งสัจจะความจริง
อยู่ห่างจากใจเราออกไป นับล้านปีแสง
ณ หนึ่งขณะ นั้น เมื่อ ใจ ได้สัมผัสกับ ความจริง
ชีวิตนับจากนั้น จะกลายเป็นพยานสำคัญ
เป็นผู้รู้เห็นปรากฏการณ์ความจริง ที่อยู่กับเราเสมอมา
พร้อมพบคำตอบของคำถามสำคัญสำหรับทุกชีวิต
ฉันคือใคร ? ฉันเกิดมาเพื่ออะไร ? ชีวิตคืออะไร ?
กล่าวได้ไหมว่า นี่คือ การตื่นรู้สู่ความจริง ความจริงแท้ของตัวเรา
คือ การตื่นจากการหลับหลง คือ ก้าวออกจากความไม่รู้
คือ อิสระจากความยึดมั่นในตัวตน คือ การศิโรราบ น้อมรับความจริงของกายและใจ
คือ ความสุข สันติ ความเบิกบาน คือ อันติมสัจจ์ อันรู้ได้เฉพาะตน
คือ การเข้าถึงศักยภาพแท้ชีวิต คือ เข้าถึงความรักที่แท้จริง
ทั้งต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสรรพชีวิตทั้งปวง
ทั้งหมดนี้ คล้ายดั่งขุมทรัพย์ ณ ปลายฟ้า
คือจุดหมายของเส้นทางสายหนึ่งนั้น เป็นภารกิจและหน้าที่เฉพาะบุคคล
อันมีเพียงตัวเราเท่านั้น ที่จะตัดสินใจ ออกเดินทางผ่านหนทาง
ที่แตกต่างหลากหลาย ท่องไปในถนนสายแสวงหาของนักเดินทางภายใน
เพื่อค้นพบประจักษ์สัมผัส เปิดใจก้าวข้ามทุกการแบ่งแยก
เพื่อหลอมรวม และเข้าถึง หนึ่งนั้น แห่งความจริง
คือ ความจริง หนึ่งแท้ เดียวกัน ด้วยตัวของคุณเอง
ขอความรัก สันติและไมตรี จงเป็นแสงส่องสว่าง จากใจ
ถึงใจทุกดวงบนทุกบาทวิถี แห่งหนึ่งทางสายนี้
Photo by D A V I D S O N L U N A on Unsplash