Search
Close this search box.
I Love You, but I Don’t Need You
คุณากร วรวรรณธนะชัย

[เกริ่น; เดือนก่อนได้ฟังบทนำภาวนา (guided meditation) ของ Rupert Spira ฟังจบรู้สึกว่าเขาพูดถึง ‘ความสุข’ ได้ลุ่มลึก เรียบง่าย และน่าสนใจดี ก็เลยอยากแปลให้ใครๆ ได้อ่าน ความตั้งใจแรกคือแปลให้ซื่อตรงตามต้นฉบับ แต่ด้วยความสามารถทางภาษาอันจำกัด เลยกลายเป็นการแปล+เรียบเรียงตามความเข้าใจ สุดท้ายก็ได้บทความขนาดยาวมากชิ้นนี้ออกมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย]


ถ้าลองสอบถามคนทั่วไปว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดในชีวิต คำตอบส่วนใหญ่คงไม่ต่างกัน; ความสัมพันธ์ที่ราบรื่น ครอบครัวที่ดี ทรัพย์สินเงินทอง สุขภาพที่ดี บ้านสวยๆ สักหลัง งานดีๆ สักงาน หรือบางทีอาจเป็นการไม่ต้องทำงานอะไรเลย ฯลฯ

ขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องการสิ่งเหล่านี้ บางคนอาจต้องการอะไรที่เป็นนามธรรมกว่านั้น อย่างการเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า หรือการรู้แจ้งความจริงของชีวิต

แต่หากถามพวกเขาต่อไปว่า ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าความสัมพันธ์ครั้งต่อไปจะทำให้คุณต้องทนทุกข์ คุณจะยังต้องการมันหรือไม่? ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าการมีเงินมากมายจะนำมาซึ่งความหวาดหวั่นกลัดกลุ้มใจ คุณจะยังต้องการมันอยู่หรือเปล่า? และถ้ารู้ล่วงหน้าว่าการรู้แจ้งสัจธรรมจะทำให้คุณต้องทุกข์เศร้า คุณยังอยากจะรู้แจ้งอยู่มั้ย?

ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่ต้องการไม่ได้นำความสุขมาให้, คำว่า ไม่ น่าจะเป็นคำตอบของทุกคน

จากตัวอย่างที่ยกมาจะเห็นได้ว่า สิ่งที่เราทุกคนต้องการจริงๆ แล้วไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ราบรื่น ไม่ใช่สุขภาพที่ดี ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช่การเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่แม้กระทั่งการรู้แจ้ง สิ่งที่เราทุกคนต้องการคือความสุข ความสุขซึ่งเราเชื่อว่าจะได้รับจากสิ่งต่างๆ ที่เราต้องการ

ลองคิดถึงอะไรที่คุณต้องการมากกว่าความสุข คุณคิดถึงมันได้มั้ย?

ถ้าคุณคิดถึงสิ่งนั้นได้ คุณแน่ใจมั้ยว่าคุณไม่ได้ต้องการสิ่งนั้นเพียงเพราะมันจะนำความสุขมาให้คุณ?

สิ่งที่เราทุกคนต้องการคือ ความสุข

แต่ที่น่าสนใจก็คือ อะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไป หลายครั้งมันทำให้เราเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ ตัวอย่างชัดๆ ก็เรื่องความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์เดียวกันสามารถมอบทั้งความสุขที่สุดและทุกข์ที่สุดในชีวิตให้กับเรา

ถ้าความสุขเกิดจากวัตถุ สิ่งของ กิจกรรม หรือความสัมพันธ์จริงๆล่ะก็ ตราบเท่าที่สิ่งนั้นยังคงอยู่ความสุขก็ต้องคงอยู่ด้วยมิใช่หรือ

แต่จากความจริงง่ายๆ ที่ว่าวัตถุ สิ่งของ กิจกรรม และความสัมพันธ์ใดๆ สามารถให้ความสุขกับเราในวันหนึ่งและมอบความทุกข์ให้ในวันถัดไป เราจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากวัตถุ สิ่งของ กิจกรรม หรือความสัมพันธ์

แล้วอะไรกันที่ทำให้เราเข้าใจผิด อะไรที่ทำให้ดูราวกับว่าวัตถุ สิ่งของ กิจกรรม และความสัมพันธ์สามารถบันดาลสุขให้เราได้?

คำตอบง่ายๆ ก็คือการที่เรา ‘เปิดใจยอมรับ’ วัตถุ สิ่งของ กิจกรรม และความสัมพันธ์นั้น เมื่อยอมรับอะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้น ความสุขก็ผุดปรากฏขึ้นในใจ, ตรงกันข้าม หาก ‘ปฏิเสธ’ หรือ ‘ไม่ยอมรับ’ มันเมื่อไร ความทุกข์ก็ผุดขึ้นแทนที่

ดูเผินๆ เหมือนเราได้รับความสุขจากสิ่งที่เราอยากได้, ทั้งที่จริงๆ แล้วความสุขเกิดจากใจที่ ‘ยอมรับ’ และ ‘ไม่ปฏิเสธ’ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นตอนเราได้สิ่งนั้น

ความสุขไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวัตถุ สิ่งของ กิจกรรม หรือความสัมพันธ์ใดๆ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความสุขเกิดขึ้นในใจเราทั้งสิ้น

เราทุกคนล้วนเคยผ่านเหตุการณ์มากมายในชีวิตที่รู้สึกมีความสุข

ตอน 5 ขวบ อาจเป็นการไปเที่ยวทะเลที่ทำให้เรามีความสุข, ตอน 10 ขวบ อาจเป็นการชนะการแข่งขันที่โรงเรียน, ตอนวัยรุ่น อาจเป็นความรักครั้งแรก, ตอน 20 อาจเป็นการที่บริษัทตอบรับเราเข้าทำงาน, ตอน 30 อาจเป็นบ้านหลังแรก ฯลฯ

ในเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ หากพิจารณาให้ดี เราจะพบว่าความสุขที่เรารู้สึกแต่ละครั้งนั้นไม่ต่างกันแม้แต่น้อย ความสุขตอน 10 ขวบที่เราชนะการแข่งขันที่โรงเรียนเหมือนกันทุกประการกับความสุขในอีก 20 ปีต่อมาตอนเรามีบ้านหลังแรก และเหมือนกันทุกประการกับความสุขตอนที่เราแต่งงาน หรือตอนมีลูกคนแรก

เงื่อนไขของความสุขอาจแตกต่าง แต่ความสุขที่เราได้สัมผัสทุกครั้งคือ ‘ความสุขเดิม’ เสมอ

หากคลี่ชีวิตเป็นสายยาว ความสุขอาจดูคล้ายประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในชีวิต บางเวลาก็สุข บางเวลาก็ทุกข์ คลุกเคล้ากันไป ในการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ ความสุขจึงดูคล้ายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงๆ เป็นเรื่องของโอกาส เป็นเรื่องภายนอก และดูไกลตัว

ทั้งที่จริงๆ แล้ว ความสุขอาจไม่ได้ขึ้นกับโอกาส อาจเป็นเรื่องภายใน และอยู่ใกล้กว่าที่เราคิด

ลองนึกภาพท้องฟ้าในหน้าฝน เมฆทึมเทาขมุกขมัวกระจายตัวเต็มฟ้า มีเพียงบางบริเวณที่หมู่เมฆหนาแหวกตัวให้เห็นผืนฟ้าเบื้องหลัง มองเผินๆ คล้ายวงสีฟ้ารูปร่างประหลาดผุดขึ้นตรงนั้นตรงนี้ท่ามกลางมวลเมฆสีเทาผืนใหญ่ แต่เมื่อมองดีๆ เราจะค่อยๆ ตระหนักว่า แต่ละวงสีฟ้าคือส่วนหนึ่งของผืนฟ้าอันไพศาล วงสีฟ้าไม่ได้ผุดขึ้นตรงนี้ตรงนั้นตามแต่โอกาสและช่วงเวลา ตรงกันข้าม มันดำรงอยู่ในทุกพื้นที่ของท้องฟ้า อยู่ตรงนั้นอยู่แล้วตลอดมา รอเพียงเวลาเผยตัวให้เราเห็นเมื่อเมฆหนาแหวกตัวออกไป

ความสุขก็เป็นเช่นนั้น; ทุกครั้งที่มีความสุข นั่นคือช่วงเวลาที่เมฆหนาในใจแหวกตัวออกเป็นช่องเปิดเล็กๆ ช่องเปิดที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสสิ่งที่ดำรงอยู่ในใจของเราตลอดมา ธรรมชาติเดิมแท้ที่ใครๆ เรียกมันว่า ‘ความสุข’

แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เมฆหมอกขมุกขมัวแหวกตัวออกไป? อะไรที่ทำให้เราสามารถสัมผัสความสุขที่ดำรงอยู่แล้วในใจของเรา?

คำตอบนั้นเรียบง่าย มันคือการที่เรา ‘ยอมรับ’ และ ‘ไม่ปฏิเสธ’ อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เรา ‘ปฏิเสธ/ต่อต้าน’ มัน เมื่อนั้นเมฆหมอกหนาก็กระจายเต็มหัวใจ บดบังเราไม่ให้สัมผัสความสุขที่ดำรงอยู่แล้วในใจเรา

ต่างจากที่เคยเข้าใจ ความสุขไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับประสบการณ์ภายนอก ทั้งหมดที่จำเป็นในการมีความสุขก็แค่การ ‘ยอมรับ/ไม่ปฏิเสธ’ อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้

แต่แทนที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สิ่งที่เรามักจะทำกลับเป็นการปฏิเสธ ต่อต้าน และไม่ยอมรับ, ไม่ยอมรับสิ่งใดเราก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น ตรงไปตรงมาและง่ายๆ อย่างนั้นเอง

ความทุกข์เราเราทำเอง ไม่มีใครเอาทุกข์มาใส่ให้เราได้ ถ้าคิดว่าการสูญเสียอะไรสักอย่าง หรือพฤติกรรมของใครบางคน หรือตัวเลขบัญชีธนาคาร หรือสุขภาพของเรา คือต้นเหตุที่ทำให้เราไม่มีความสุข เรากำลังหลอกตัวเอง

ไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้เราทุกข์จนทนไม่ได้ สิ่งที่เราทนไม่ได้คือการ ‘ปฏิเสธ/ไม่ยอมรับ’ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นของเราเอง ไม่มีอะไรทำให้เราทุกข์ได้ตราบใดที่เราไม่ต่อต้านมัน ลองจินตนาการถึงอิสรภาพของชีวิตถ้าเพียงเราหยุดต่อต้าน หยุดเรียกร้องต้องการให้สิ่งต่างๆ เป็นไปตามความคาดหวังของเรา

สิ่งเดียวที่ทำให้เราเป็นทุกข์คือการ ‘ไม่ยอมรับ’ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ความทุกข์ไม่ได้เกิดจากสิ่งอื่น มันคือการกระทำของเรา คือสิ่งที่เราเลือกในแต่ละขณะที่ชีวิตดำเนินไป

ความสุข-ที่ใครๆ ต่างตามหา-อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด อันที่จริงมันอยู่กับเราอยู่แล้วตลอดเวลา ไม่มีใครหรือสิ่งใดสามารถใส่ความสุขเข้ามาให้เราจากภายนอก ทุกครั้งที่มีความสุขเราสัมผัสมันได้จากภายในตัวเราเสมอ

ถ้ามีคนบอกตอนนี้ว่าคุณถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คุณย่อมมีความสุขทันที ความสุขนี้ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาจากภายนอก มันอยู่กับคุณอยู่แล้วรอเพียงบางสิ่งทำให้เผยตัวออกมา ในที่นี้ สิ่งนั้นไม่ใช่การถูกรางวัลที่ 1 แต่เป็นการที่คุณยอมรับและไม่ปฏิเสธการถูกรางวัลของคุณ

ทำไมเราไม่ลอง ‘ยอมรับ/ไม่ปฏิเสธ’ อะไรก็ตามที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ดูล่ะ สุขภาพของเรา พฤติกรรมของใครคนนั้น ปัญหาอะไรก็ตามที่กำลังประสบอยู่ ยอมรับอย่างที่มันเป็น ไม่ปฏิเสธหรือต่อต้าน เพียงเท่านี้ความสุขเดียวกับที่คุณจะรู้สึกถ้าถูกรางวัล คุณจะสามารถสัมผัสมันได้ตอนนี้เลย

ชีวิตจะอิสระแค่ไหนถ้าคุณรู้ว่าความสุขในชีวิตไม่ได้ขึ้นกับใครหรือสิ่งใด

คนที่มีแฟนหรือคู่ครองลองหาเวลาพูดกับเขาหรือเธอประมาณนี้ “ฉันรักเธอ แต่เธอไม่ได้จำเป็นต่อความสุขของฉัน ฉันไม่ได้หมายมั่นว่าเธอต้องรักฉัน และไม่มีอะไรที่เธอทำหรือเลิกทำจะทำให้ฉันมีความสุขหรือเป็นทุกข์ได้”

อาจฟังแปลกๆ แต่นี่คือข้อความที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีที่สุดข้อความหนึ่งที่คุณสามารถบอกคู่ครองของคุณได้ ข้อความสั้นๆ นี้จะช่วยยกภาระหนักอึ้งออกจากบ่าของเขาหรือเธอ; ภาระในการทำให้คุณมีความสุข ภาระหนักอึ้งซึ่งแท้จริงแล้วคือสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเขาหรือเธอ หรือไม่ว่าใครๆ

ทำไมเราไม่ปลดภาระนี้ให้คู่ครองของเราตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์

เมื่อไม่เรียกร้องความสุขจากความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์นั้นจะนำความสุขมาให้คุณ

ในกรณีที่คุณยังโสด และกำลังตามหาใครสักคน ถามตัวเองให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กำลังตามหาความสัมพันธ์นั้นด้วยความเชื่อที่ว่ามันจะทำให้คุณมีความสุข ถ้าคุณเข้าสู่ความสัมพันธ์ใดด้วยความเชื่อนั้น มั่นใจได้เลยว่าวันหนึ่งความสัมพันธ์นั้นจะทำให้คุณเป็นทุกข์แน่นอน

ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณควรเลิกตามหาใครสักคนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ทั้งหมดนี้เพียงบอกว่า อย่าพยายามแสวงหาความสุขจากความสัมพันธ์ใดๆ

ก่อนมองหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ก่อนแสวงหาวัตถุ สิ่งของ หรือสถานภาพใดๆ ถามตัวเองให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้น ‘เกิดจาก’ ความสุขในตัวคุณ ไม่ใช่หนทางที่คุณจะใช้เพื่อหาความสุขมาใส่ตัว

วางใจได้อย่างนี้เมื่อไหร่ วัตถุ สิ่งของ กิจกรรม หรือความสัมพันธ์ใดๆ ที่คุณต้องการจะกลายเป็นการ ‘แสดงออก’ ถึงความสุขที่มีอยู่แล้วในตัวคุณ คือการแบ่งปันและเฉลิมฉลองความสุขของคุณผ่านสิ่งเหล่านี้

ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่หนทางที่คุณต้องสละทิ้งทุกสิ่งอย่าง ไม่ใช่หนทางที่คุณต้องลดละความต้องการใดๆ

ต้องการอะไรก็ตามที่คุณต้องการต่อไป ตราบใดที่ความต้องการนั้นเกิดจากความสุขที่คุณมี ไม่ใช่หนทางที่คุณใช้เพื่อมีความสุข

เช่นนี้,

ฉันจึงรักเธอ

แม้เธอจะไม่จำเป็นต่อความสุขของฉัน

สารคดีหัวใจตื่นรู้

Photo by Mayur Gala on Unsplash

Facebook
Email
Twitter
Telegram
Pinterest
Print