พวกเราในนามของภาคีเครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา ประกอบด้วยนักวิชาการและนักปฏิบัติการที่ ขับเคลื่อนงานสุขภาวะทางปัญญามาประสานพลังเป็นเครือข่ายแนวราบ ร่วมกันจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ เครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญาขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 ขอประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันดังนี้
ท่ามกลางวิกฤติการณ์รอบด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด การทําลายสิ่งแวดล้อม การต่อสู้ที่ยืดเยื้อระหว่างขั้วอํานาจต่างๆ การดึงดูดทรัพยากรเข้าหาตัวของแหล่งอํานาจ และกดทับผู้มีอํานาจน้อยกว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง มวลมหาศาลของความเจ็บป่วยทั้งกายและใจ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ รู้สึกโดดเดี่ยว สับสน และสิ้นหวัง แสดงถึงความเปราะบางอย่างยิ่งของสังคม และมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดเป็นวิกฤตขนาด ใหญ่จนเกินเยียวยา
ขณะเดียวกัน เราเห็นความพยายามก่อตัวของวัฒนธรรมความร่วมมือแนวราบ ที่คนกลุ่มต่างๆต้องการอิสรภาพ ความเป็นธรรม โอกาสที่เท่าเทียม และสิทธิในการตัดสินใจกําหนดอนาคตของสังคมร่วมกัน ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน เป็น พลังสร้างสรรค์ที่สดใหม่ และเป็นต้นทุนทางสังคมสําคัญที่เป็นความหวัง และเป็นทางออกหลัก สําหรับฝ่ากระแสเขียวของ วิกฤตการณ์ทางสังคมขณะนี้
พวกเราจึงเห็นร่วมกันว่า การพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาทั้งของปัจเจกและสังคม เป็นสิ่งจําเป็นเร่งด่วนที่ต้องสร้าง ให้เกิดขึ้น ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งของคุณภาพและพลังทางจิตใจ และเยียวยาความผุกร่อนทางจิตวิญญาณของมนุษย์และสังคม
เราจําเป็นต้องใส่ใจและลงมือปฏิบัติ เพื่อจัดระบบและโครงสร้างการทํางานระดับต่างๆ ที่ทําให้ผู้คนเคารพ เคารพศักดิ์ศรี คุณค่า และความหมายของความเป็นมนุษย์ โดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งเชื้อชาติ ชนชั้น ศาสนา เพศ วัย สภาพ ร่างกายและจิตใจ และสถานะทางสังคม เกิดความรู้สึกตัว เท่าทันความรู้สึกนึกคิดของตนเอง เคารพคุณค่าและจุดยืนของ กันและกัน และเข้าใจความจริงว่า สิ่งต่างๆ ล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยง และส่งผลกระทบต่อกันอย่างลึกซึ้ง ทั้งการเชื่อมโยงภายในตนเอง เชื่อมโยงผู้อื่น ชุมชน สังคม โลก ธรรมชาติ และสิ่งสูงสุด
พวกเราเชื่อมั่นว่า สังคมที่มีระบบและโครงสร้างที่ทําให้เกิดการพัฒนาสุขภาวะทางปัญญา จะทําให้ผู้คนเห็นคุณค่าของมิติจิตวิญญาณ ให้ความสําคัญกับความเปิดกว้าง บนฐานของมิตรไมตรีต่อกัน เคารพความแตกต่างหลากหลาย เห็นคุณค่าของการอยู่ร่วมเป็นชุมชน ช่วยเหลือเกื้อกูลร่วมกันเยียวยาทุกขภาวะ มีพื้นที่ให้คนทุกกลุ่มสามารถพัฒนา ตนเองอย่างอิสระด้วยวิถีหลากหลาย และสามารถร่วมกันสร้างสรรค์สังคมที่มีสันติธรรม มีคุณค่า ความหมาย และเกิดการดํารงอยู่ร่วมกันอย่างสันติทั้งระหว่างคนกับคนและคนกับธรรมชาติ
พวกเราต้องการเห็นระบบการเมืองที่เชื่อมั่นในคุณค่าประชาธิปไตย มีวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมที่เกิดจากการใช้อำนาจแนวราบ และความไว้วางใจกันและกัน เน้นการเสริมพลังอํานาจให้ประชาชน โดยเฉพาะคนเล็กคนน้อย คนยากจนและคนชายขอบของสังคม ให้ร่วมกําหนดและตัดสินใจเชิงนโยบายอย่างเท่าเทียม อันจะนําไปสู่ความเป็นธรรมทางสังคม และการคลี่คลายความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
พวกเราต้องการเห็นระบบเศรษฐกิจที่อยู่บนหลักของภราดรภาพ เพื่อการเติบโตร่วมกันของภาคส่วนที่แตกต่าง ดั่งพี่น้องที่เกื้อกูล เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข โอบอุ้มแบ่งปัน เป็นระบบเศรษฐกิจที่สร้างความเป็นธรรม และลดช่องว่างความ เหลี่ยมล้ําที่สร้างความทุกข์ให้คนส่วนใหญ่ของสังคม
พวกเราเห็นว่า ระบบการศึกษาต้องส่งเสริมให้คนทั้งหมดเกิดความสุขมากกว่าความทุกข์ คืนสุขภาวะให้มนุษย์ เสริมศักยภาพในการเข้าถึงความจริง ความดี ความงาม และการอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียน โดยนําเครื่องมือและกระบวนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสุขภาวะทางปัญญาเข้าไปใช้ในการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงอุดมศึกษา และการทํางานวิจัย
พวกเราเห็นว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างระบบสุขภาพที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ เห็นความเชื่อมโยงเป็นองค์รวมของความเจ็บป่วย ว่าเกิดจากทุกภาวะทั้งทางร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ สร้างระบบที่ทําให้บุคลากรใน ระบบสาธารณสุขสามารถดูแลตนเอง ดูแลกันและกัน ดูแลผู้ป่วยและครอบครัวอย่างเป็นองค์รวม เปิดพื้นที่ให้เกิดระบบ อาสาสมัครขึ้นในระบบสุขภาพอย่างทั่วถึง และทําให้เกิดการเข้าถึงการรักษาที่มีความเท่าเทียมและเสมอภาค
การที่สุขภาวะทางปัญญาของผู้คนและสังคมไทยจะลงหลักปักฐาน หยั่งรากลึก และเติบโตอย่างมั่นคงได้ ต้องมีการสนับสนุนให้เกิดการทํางานส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญาอย่างเป็นระบบ สร้างองค์ความรู้ที่ชัดเจน ชี้วัดความ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม นําเครื่องมือและกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมสุขภาวะทาง ปัญญาไปใช้ในทุกพื้นที่ และสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและประสบการณ์ตรงให้ผู้คนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งนํามิติสุขภาวะทางปัญญามาเป็นฐานคิดในการออกแบบนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับผู้คน ตั้งแต่แรกเกิด เติบโตตามช่วงวัย และ เข้าสู่กระบวนการตายที่ดี เพื่อปกป้องคุ้มครองให้ทุกคนสามารถบรรลุถึงการมีสุขภาวะที่ครบทุกมิติอย่างเป็นองค์รวมทั้ง กาย ใจ สังคม และจิตวิญญาน
พวกเรายืนยันว่า สถาบันทางสังคมต่างๆในประเทศไทย ต้องขับเคลื่อนการทํางานทั้งในระดับนโยบายและ ปฏิบัติการ เพื่อให้คนทุกกลุ่มคนมีโอกาสเรียนรู้ เข้าถึง และเข้าใจถึงความสําคัญของการมีสุขภาวะทางปัญญา และประเด็น สุขภาวะทางปัญญาต้องได้รับการสนับสนุนและคุ้มครองให้เป็นส่วนหนึ่งของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คนและสังคม
พวกเราขอร่วมขับเคลื่อน IDGs หรือ Inner Development Goals เพื่อ SDGs หรือเป้าหมายการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน ร่วมกับเครือข่าย IDGs ระดับโลก โดยเห็นว่า เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนจะไม่สําเร็จ ถ้าปราศการพัฒนามิติ ด้านในของมนุษย์และมิติทางจิตใจและจิตวิญญาน
พวกเราขอเชิญชวนทุกท่านให้ร่วมลงนามในปฏิญญาฉบับนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการเริ่มต้นขับเคลื่อนการ ส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญาทั้งในระดับปัจเจก ครอบครัว ชุมชน และสังคม และต้อนรับการมาถึงของจิตวิญญาณที่สดใหม่ และมีพลัง เพื่ออนาคตของเราทั้งหมดร่วมกัน
ด้วยจิตสมานฉันท์
เครือข่ายความรู้สุขภาวะทางปัญญา
ที่มา :
ปฏิญญาสยาม เรื่องการส่งเสริมสุขภาวะทางปัญญา พ.ศ. 2566
คลังความรู้สุขภาวะทางปัญญา https://www.jitwiwat.com/conference2023