ยุคใหม่ จิตสำนึกใหม่ เริ่มยุคแห่งความสมดุล

ยุคใหม่ จิตสำนึกใหม่ เริ่มยุคแห่งความสมดุล

ในเมื่อวิกฤตยุคหรืออารยธรรมเก่า คือ การเสียสมดุล

ยุคใหม่ ก็ต้องเป็นยุคแห่งความสมดุล

การเสียสมดุล เกิดจากการเห็นแบบแยกส่วน คิดแบบแยกส่วน ทําแบบแยกส่วน ยุคแห่งความสมดุล ก็ต้องเห็นองค์รวม คิดแบบบูรณาการ และทําแบบบูรณาการ

อารยธรรมตะวันตกเริ่มด้วยวิทยาศาสตร์ คือ ความรู้ คือรู้เป็นส่วนๆ ยังไม่ใช่ปัญญาที่รู้ ทั้งหมด ฉะนั้นยุคอารยธรรมตะวันตก 500 ปี ที่ผ่านมา แม้เก่งแต่ก็รู้และทําแบบแยกส่วน จึงนําไปสู่การเสียสมดุลอย่างรุนแรง โลกวิกฤตและโควิดตามมา

โลกยุคใหม่จึงต้องใช้ปัญญาซึ่งใหญ่กว่าความรู้ ความรู้รู้เป็นส่วนๆ แต่ปัญญารู้ทั้งหมด หรือรู้ความจริง

ธรรมชาติ คือ ความจริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เข้าถึงความจริงทั้งหมด หรือความจริงสูงสุด ซึ่งคือ ความเป็นหนึ่งเดียวของธรรมชาติทั้งหมด (Oneness หรือ One Wholeness)

ปัญญาก็จะนําไปสู่การคิดเชิงองค์รวมและทําแบบบูรณาการ

บูรณภาพนําไปสู่ดุลยภาพ

ดุลยภาพ คือ ความสงบสุข การมีสุขภาพดี และความยั่งยืน

ฉะนั้น ยุคใหม่หลังโควิดจะเป็น คือ

ยุคแห่งปัญญา

การคิดแบบองค์รวม

การพัฒนาอย่างสมดุล

ความยั่งยืน

จากความเป็นเหตุเป็นผลอย่างนี้ ก็จะเข้าใจว่าการเปลี่ยนใหญ่ของมนุษย์ชาติในโลกหลังโควิด

การตื่นรู้ (Awakening) สู่จิตสํานึกใหม่

ตื่นรู้ คือ รู้ความจริงทั้งหมด หรือความจริงสูงสุด นั่นคือปัญญา

จิตสํานึกใหม่ เป็นจิตใหญ่ ที่หลุดออกจากความคับแคบในตัวเอง รับรู้ธรรมชาติตามความ เป็นจริง ธรรมชาตินั้นใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด จิตที่เข้าถึงความจริงตามธรรมชาติจึงเป็นจิตใหญ่

จิตสํานึกใหม่ (New Consciousness) บางคนก็เรียกว่าการปฏิวัติทางจิตสํานึก (Consciousness Revolution)

จิตสํานึกใหม่พลังหนึ่งเดียวที่จะช่วยให้มนุษยชาติก้าวข้ามวิกฤตการณ์ปัจจุบัน

ทิฐิและโครงสร้างแห่งผลประโยชน์ ที่จะดึงมนุษย์ให้อยู่ในโลกเดิมที่วิกฤตนั้นรุนแรงยิ่ง ยากที่จะมีอะไรฝ่าออกไปได้ ลองนึกถึงระดับของความเกลียดชังที่ฝ่ายต่างๆ มีต่อกัน จะลบออกไปง่ายๆ ได้อย่างไร ไม่ว่าด้วยมาตราการใดๆ

มีอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าสามารถลบโปรแกรมเก่าๆ ในสมองแทนที่ด้วยโปรแกรมใหม่

โปรแกรมในสมองมนุษย์เปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง

เปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุขก็ได้

เปลี่ยนจากโกรธเกลียด เป็นไม่โกรธไม่เกลียด หรือรักก็ได้

เปลี่ยนจากจิตเล็ก เป็นจิตใหญ่ก็ได้

เราจึงเห็นว่าโจรยังเปลี่ยนเป็นพระอรหันต์ได้

ตรงนี้คือการเกิดจิตสํานึกใหม่ หรือจิตใหม่

ทุกคนมีส่วนของสมองที่จะเกิดจิตใหม่ได้ ทุกคนจึงมีศักยภาพที่จะเกิดจิตสํานึกใหม่ได้ จิตใหม่เกิดที่สมองส่วนหน้าที่ เรียกว่า Prefrontal cortex ขนาดเท่ากําปั้นเด็ก อยู่หลังหน้าผาก สมองส่วนทําหน้าที่เกี่ยวกับปัญญาและความดี

การตื่นรู้สู่จิตสํานึกใหม่ เกี่ยวกับสมองส่วนหน้า หรือส่วนที่ ๔ ที่มีอยู่ในคนทุกคน และรอให้ มนุษย์ใช้มา 200,000 ปีแล้ว ทุกคนสามารถตื่นรู้สู่จิตสํานึกใหม่ได้ จิตสํานึกใหม่ คือ จิตที่เข้าถึงความจริงสูงสุด

ความจริงสูงสุด คือ ธรรมชาติ ที่บางทีเรียกว่าธรรม (ชาติ) บางทีเรียกว่าพระเจ้าธรรมชาตินั้นใหญ่โต เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด อนันต์ และนิรันดร รวมจักรวาลทั้งหมด และยิ่งกว่านั้น

ธรรมชาติ หรือ ความจริงตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีอะไรยิ่งกว่า ถ้าพระเจ้า ทรงอยู่ในทุกหนทุกแห่ง (Omnipresent) ทรงศักยภาพในทุกสิ่ง (Omnipotent) ธรรมชาติ หรือ ธรรม หรือพระเจ้าก็เหมือนกัน

ตามปกติจิตมนุษย์เล็ก ถูกกักขังอยู่ในที่แคบ คือ อยู่กับความเห็นแก่ตัวของตัวเอง ในที่แคบย่อมบีบคั้น ไม่มีอิสรภาพและศักยภาพ ไร้ความสุข เหมือนคนติดอยู่ในคุก

นั่นเป็นเหตุผลว่า ทําไมมนุษย์จึงมีความสุขเมื่อสัมผัสกับธรรมชาติที่ใหญ่โต เช่น ป่าไม้ ภูเขา ทะเล ท้องฟ้า เพราะเมื่อสัมผัสธรรมชาติที่ใหญ่กว่าตัวเอง จิตก็หลุดจากความคับแคบ ทําให้มีอิสระ อิสรภาพกับความสุขซ้อนทับหรือเป็นสิ่งเดียวกัน ความสุขที่คล้ายกับคนออกจากคุกทีกักขังและคับแคบ

การเข้าถึงความจริงตามธรรมชาติ จึงทําให้มนุษย์มีความสุขอย่างลึกซึ้งและมีศักยภาพ

“การเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การเปลี่ยนยุค
การเปลี่ยนที่ลึกที่สุด คือ การเปลี่ยนจิตสํานึกใหญ่และลึกเชื่อมโยงกัน”

จากหนังสือ สุขภาวะทางปัญญา 15 เส้นทาง
 สู่สุขภาวะที่สมบูรณ์ของมนุษยชาติ โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี