โลกยุคใหม่เป็นความฝันขององค์กรทางมนุษยธรรมต่างๆ
และ องค์การอนามัยโลก โดยมีการนิยามคําว่า “สุขภาพ”
คือ “สุขภาวะที่สมบูรณ์” ว่า
(ในวงเล็บเป็นข้อเสนอของสมาชิกบางประเทศ)
สุขภาพ คือสุขภาวะที่สมบูรณ์ ทางกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ
ฉะนั้น “สุขภาพคือทั้งหมด” (Health is the whole)
“สุขภาพที่สมบูรณ์ทั้งทางกาย จิต สังคม และปัญญา”
สุขภาวะทางปัญญาเชื่อมโยงอยู่กับสุขภาวะทางกาย
หรือทางวัตถุ ทางจิต และทางสังคม
สุขภาวะทางปัญญาจึงทําให้สุขภาวะอีก 3 มิติควบแน่น
และรวมเป็นสุขภาวะที่สมบูรณ์ หรือสุขภาวะสูงสุด
หรือมนุษยธรรมสูงสุด (Supreme Humanity)
การขับเคลื่อนสุขภาวะทางปัญญาจึงเป็นการขับเคลื่อนไปสู่
มนุษยธรรมสูงสุด อันเป็นเป้าหมายของโลกยุคใหม่
เริ่มต้นโลกยุคใหม่ แห่งสุขภาวะที่สมบูรณ์
เมื่อโลกยุคเก่าวิกฤต ก็จะอัสดง และเกิดโลกยุคใหม่ขึ้นแทนที่
นี่เป็นกฎของธรรมชาติที่จะต้องเกิด
มนุษย์ใฝ่ฝันถึงโลกยุคใหม่กันมานานแล้ว ในชื่อเรียกอะไรก็ตาม
เช่น ยุคศรีอาริย์ โลกพระศรีอริยเมตไตรย โลกใหม่ที่กําลังเกิดขึ้นจริงๆ เรียกเป็นคํากลางๆ ว่า
“โลกแห่งสุขภาวะที่สมบูรณ์ของมนุษยชาติ”
ส่วนจะมีชื่อเล่นว่าอะไรก็สุดแต่ความรู้สํานึกคิดหรือจินตนาการ
ในวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ครั้งโบราณมีศาสดาที่บรรลุธรรมผุดบังเกิดขึ้นมา และสั่งสอนให้มีผู้บรรลุธรรมได้เป็นส่วนๆ
แต่โลกยุคใหม่แห่งสุขภาวะที่สมบูรณ์นั้นไม่มีศาสดา
แต่เกิดจากปัญญาร่วม (Collective wisdom) ที่นักคิดในระบบ สุขภาพครุ่นคิด เรียนรู้ร่วมกัน สะสม
แนวคิดและแนวปฏิบัติ เป็นปัญญา ร่วมสะสม (Accumulated collective wisdom) ที่ชัดเจนมากขึ้นๆ
จนถึงปัจจุบันมีความชัดเจนถึงระดับหนึ่งว่า
สุขภาพที่สมบูรณ์คืออะไร สุขภาวะทางปัญญาคืออะไร
สุขภาพองค์รวม (Holistic Health) คืออะไร
และค้นพบว่า “สุขภาวะทางปัญญา” คือทางอันเอกสู่ “สุขภาวะ ที่สมบูรณ์” ที่ทุกคนมีส่วนร่วมได้
ไม่เหมือนระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน หรือ อื่นๆ ที่แม้อยากร่วมก็ร่วมด้วยไม่ได้
เส้นทางสุขภาวะทางปัญญาจึงเป็นประชาธิปไตยอย่างยิ่ง เพราะทุกคนมีส่วนร่วมได้ เส้นทางอย่างน้อย 15 เส้นทาง มากพอที่ทุกคนเลือกได้ หรือเลือกหลายเส้นทาง หรือทุกเส้นทาง
เพียงนึกถึงไม่ว่าเส้นทางใดก็มีความสุข ทุกคนจึงอาจมีแผนที่ สุขภาวะทางปัญญา 15 เส้นทางไว้ใกล้ตัว ให้เห็นและนึกถึงบ่อยๆ ก็มี ความสุขแล้ว และเมื่อเดินไปตามเส้นทาง ยิ่งเดินก็ยิ่งมีความสุข เพิ่มขึ้นๆ การเข้าถึงความสุขที่แท้จึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และยังมี เพื่อนร่วมทางจํานวนมาก และมากขึ้นเรื่อยๆ จนหมดทั้งโลก
ระบบสุขภาวะทางปัญญาเป็นของสาธารณะ ไม่มีเจ้าเข้าเจ้าของ ไม่มีศาสดา สาธารณะสามารถเรียนรู้จากการปฏิบัติ แล้วนําปัญญาจากประสบการณ์มาตกแต่งให้ดีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ระบบสุขภาวะทางปัญญาก็จะมีชีวิต เมื่อมีชีวิตก็เรียนรู้ได้ งอกงามได้ไม่สิ้นสุด
ต่างจากองค์กรที่ยกตัวเป็นเอกเทศ เป็นส่วนๆ ที่ไม่เชื่อมโยง อะไรที่ชําแหละเป็นส่วนๆ เช่น ชําแหละโค ชําแหละสุกร ก็จะสิ้นชีวิต เรียนรู้ไม่ได้ งอกงามไม่ได้ มีแต่เน่าเปื่อยผุพังไป ชีวิตคือการเชื่อมโยง
เพราะฉะนั้นเมื่อระบบสุขภาวะทางปัญญามีชีวิต ก็จะเรียนรู้และ งอกงามได้อย่างหลากหลายไม่มีที่สิ้นสุด
ฉะนั้นจะเห็นคุณค่าว่าโลกใหม่แห่งการมีสุขภาวะที่สมบูรณ์ ไม่มีศาสดา ไม่มีเจ้าเข้าเจ้าของ แต่เป็นกระบวนการสาธารณะที่มีชีวิต
เมื่อมีชีวิตและดําเนินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง ก็จะถึงเป้าหมายอย่าง แน่นอน และเยียวยาโลก (Heal the World) ที่ป่วยหนัก ให้กลายเป็นโลกที่ดีกว่าเดิม
นั่นคือ โลกยุคใหม่แห่งสุขภาวะที่สมบูรณ์ของมนุษยชาติ ฉะนี้
จากหนังสือ สุขภาวะทางปัญญา 15 เส้นทาง
สู่สุขภาวะที่สมบูรณ์ของมนุษยชาติ โดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี