เมตตา หมายถึงความรักความปรารถนาดีที่อยากให้ผู้อื่นมีความสุข
กรุณา หมายถึงความเห็นอกเห็นใจที่อยากช่วยทําให้ผู้อื่นพ้นจาก ความทุกข์
มุทิตา หมายถึงความเบิกบานยินดีต่อผู้อื่นที่ได้เห็นว่าเขาได้ดีมีสุข
อุเบกขา หมายถึงการวางใจเป็นกลาง ไม่ผลักไส ไม่ดึงดูด ยอมรับ ต่อผลตามเหตุตามปัจจัย
คุณธรรมทั้งสี่ คือ คุณธรรมในพรหมวิหารที่ช่วยยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น เป็นแนวทางที่ช่วยให้เราอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขอีกทั้งช่วยปลดปล่อยจากความยึดติดในอัตตาตัวตนของเราเอง การฝึกปฏิบัติเมตตาภาวนา อาจเริ่มต้นจากการฝึกเจริญสติกับร่างกายและลมหายใจ จนคุ้นเคยมาระดับหนึ่งก่อน และเมื่อเราเริ่มสงบและตั้งมั่นได้แล้ว จึงเข้าสู่การฝึกในขั้นตอนต่อไป ดังนี้
เราสามารถปรับประยุกต์การภาวนานี้ให้เข้ากับคุณธรรมข้ออื่น ๆ ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น พรหมวิหารข้ออื่นๆ หรือความกตัญญูกตเวที ฯลฯ ในที่นี้จะขอนําเสนอบทภาวนาที่เป็นการฝึกฝนคุณธรรมข้ออุเบกขาเป็นตัวอย่าง
การให้อภัย เป็นคุณธรรมสําคัญที่ทําให้ใจเราเป็นอิสระจากการผูกใจไว้กับความเจ็บปวดหรือความโกรธแค้น เป็นการช่วยขัดเกลาและปลด คลายจากการยืดติดในอัตตาตัวตน การให้อภัยยังมีผลในการช่วยเยียวยาปม ความทุกข์หรือความติดข้องในอดีตของตนเอง ทําให้ตนเองกลับมาเต็มเปี่ยม และกล้าหาญที่จะออกเดินไปสู่อนาคตได้อย่างมั่นคงมากขึ้น
บทฝึกปฏิบัติเรื่องการให้อภัย สามารถฝึกทั้งการให้อภัยผู้อื่นและการให้อภัยตัวเองไปด้วยกันหรือจะฝึกแยกกันก็ได้
ขอบคุณที่มา
หนังสือ สู่ศักยภาพแห่งความเป็นมนุษย์ คู่มือการจัดกระบวนการพัฒนาจิตวิญญาณ
รศ.ดร.รัตติกรณ์ จงวิศาล ผศ.ดร.สมสิทธิ์ อัสดรนิธี ดร.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ บาทหลวงวิชัย โภคทวี