“มารยาทเป็นสุนทรีศาสตร์ขั้นพื้นฐานแห่งการใช้ชีวิต เป็นมนต์เสน่ห์ที่มัดใจผู้คน”
– พี่ต้น ดิณห์ ศุภสมุทร วิทยากรผู้สอนเรื่อง Non-Techical Skills
จากการเข้าร่วมคอร์สของพี่ต้น กัญจน์ได้ insight หลายอย่าง เช่น
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นพฤติกรรมเรา มันบ่งบอกอะไรเยอะมากเกี่ยวกับตัวเรา
ไม่ว่าการเช็ดขอบแก้วกาแฟที่เลอะลิปสติกเรา
การเก็บขยะออกจากสถานที่ประชุม
การเลือกเครื่องแต่งกายให้เข้ากับสิ่งที่ผู้จัดให้โจทย์มา (dress code)
หรือแม้ การมีความรู้ความเข้าใจในมารยาทและวิธีการใช้เครื่องมือในการรับประทานแบบสากล
How you do one thing is how you do everything.
การเลือกใส่ใจกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นการฝึกนิสัยคิดถึงผู้อื่น และแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ การเตรียมตัว และการให้เกียรติแก่ผู้จัดงาน
และพฤติกรรมเหล่านี้ อาจส่งผลต่อผู้ร่วมสนทนาใน first impression เลยก็ได้ ที่ทำให้เขาอยาก หรือ ไม่อยากร่วมงานกับเรา
อย่างเรื่องของการเช็ดขอบแก้วกาแฟ หรือ การเก็บขยะออกจากที่ประชุม
แม้ว่าเราหลาย ๆ คนอาจมองว่ามันเป็นหน้าที่ของแม่บ้าน
แต่หลายคนที่เป็นแม่บ้าน ร่างกายเขาก็ไม่ได้พร้อม
บางคนอายุมากแล้วแต่ยังต้องการรายได้
การเลือกที่จะช่วยเขาในแบบที่ไม่เกินกำลังเรา แม้เราจะเป็นผู้จัดงาน
นั่นก็สร้างกำลังใจ และอาจทำให้วัน วันหนึ่งของ คน ๆ หนึ่งดีขึ้นมาก ๆ เลยก็เป็นได้
นอกจากนี้ เรื่องการเข้าใจมาตรฐานสากลในการแต่งกาย
ทั้งในเรื่องการเลือกประเภทชุดที่ใส่ การเข้าใจว่าอะไร “เยอะ” เกินไป หรือ น้อยเกินไป
ก็แสดงให้เห็นหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเรา
“การแต่งกาย เป็นเครื่องมือการสื่อสารตัวตน โดยไม่ต้องใช้คำพูด และสามารถสะท้อนการเห็นคุณค่า และการเคารพตัวเอง
เช่น การแต่งกายตาม dress code ที่เจ้าภาพระบุไว้ในบัตรเชิญ …. Smart casual ; business casual; business attire; black tie; white tie”
ซึ่งแต่ละ dress code รูปแบบการแต่งกายของทั้งผู้หญิงและผู้ชายก็แตกต่างกันออกไป
คนเองก็มี journey ในการแต่งตัวเปลี่ยนไปตามช่วงวัย ยุคสมัย ตามสไตล์ ซึ่งเป็นการผสมผสานลักษณะนิสัย รสนิยมส่วนตัว และที่สำคัญคือความรู้สึก เป็นสิ่งที่สามารถสะท้อนการสื่อสารผ่านเสื้อผ้าที่เราเลือก” พี่ต้นกล่าว
แล้วประเด็นเรื่องมารยาทและความรู้บนโต๊ะอาหาร ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ละเอียดละออได้
พี่ต้นสอนให้เห็นถึงที่มาที่ไปต่าง ๆ ในการวางจาน ชาม ช้อน ซ่อม
และสอนให้เรารู้ว่า ถึงแม้ไม่เห็นเมนู แต่จาก setting ที่เขาวางมาให้ สิ่งที่เราน่าจะได้ทานคืออะไรบ้าง ตามลำดับ
และการใช้เครื่องมือ เค้าใช้อย่างไรกัน
ฝั่งอเมริกัน กับ ฝั่งอังกฤษ เค้าหั่นสเต๊กแต่งต่างกันอย่างไร
รวมไปถึงมารยาทการส่งเกลือและพริกไทยด้วย
นี่ก็เพิ่งรู้ ว่าเวลาคนขอ เราต้องส่งทั้งสองอย่างคู่กันไป
เพื่อให้ไม่เกิดความโกลาหลของการหาว่า ไหนพริกไท ไหนเกลือ บนโต๊ะอาหารสากล
ในส่วนผ้าเช็ดปาก ก็บ่งบอกได้มาก ว่าคนที่มาทาน educated แค่ไหน
สิ่งที่ควรทำคือ วางแบบพับเป็นสี่เหลี่ยมฝืนผ้า โดยหันด้านที่สามารถเปิดออกได้เข้าหาตนเอง บนตัก
เพื่อให้เราเช็ดแบบสะดวก ดูสง่า และเก็บรอยลิปสติก
และเวลาไปเข้าห้องน้ำ หากยังทานต่อ ก็วางไว้บนเก้าอี้ (อย่าพาดบนเก้าอี้)
หรือ ถ้าทานเสร็จแล้ว ก็พับและวางขวามือบนโต๊ะ
และมีเทคนิคอื่น ๆ อีกมากมายที่มีประโยชน์
อีกส่วนที่สำคัญ และกัญจนได้มีประสบการณ์คือ การจับแก้วไวท์มีหลายแบบ มีตั้งแต่ผู้เพิ่งเริ่มดื่ม คนรักการดื่มไวท์ ไปจนถึงระดับ expert หรือ แม้แต่วิธีการจับแก้วขณะยืน
นอกจากนี้ยังมีมารยาทการชนแก้ว การชวนพูดคุยบนโต๊ะกินข้าว และลำดับการนั่งที่มีนัยยะสำคัญอีกด้วย ฯลฯ
ซึ่งในโครงการบ่มเพาะ Spiritual Influencers ได้ให้โอกาสในการลองออกงานจริง
ได้มี speech บนโต๊ะอาหาร ได้ฝึกมารยาทกันจริง ๆ ชวนคุยกันประหนึ่งเราเข้างาน event สำคัญจริงไปเลย
ขอขอบคุณ We Oneness และ อาจารย์พี่ต้นมาก ๆ เลยนะคะ ที่ใส่ใจกับพวกเรา
พี่ต้น เป็น trainer ให้กับการบินไทยมาหลายปี เป๊ะ และปังมาก ทั้งองค์ความรู้ ความละเอียดอ่อน และความเมตตาในการสอนพวกเรา เตือนในสิ่งที่คนอื่นอาจไม่กล้าเตือน สอนในสิ่งที่ไม่ค่อยมีใครจะสอน แต่เป็นสิ่งที่สำคัญและมีผล โดยเฉพาะหากพวกเราจะออกไปงานในระดับที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
โมทนากับทุกการรังสรรให้เกิดพื้นที่เรียนรู้นี้ขึ้นนะคะ 🙂
หากท่านใดสนใจอยากให้มีการอบรมด้านบุคลิกภาพและมารยาททางสังคม
ติดต่อ พี่ต้น ได้โดยตรงเลยนะคะ
ขอบคุณค่ะ